อุรัสยา เสปอร์บันด์ (เกิด 18 มีนาคม พ.ศ. ) ชื่อเล่น ญาญ่า เป็นนักแสดงและนางแบบชาวไทย เธอเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนางแบบในปี หลังจากเซ็นสัญญากับสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เธอได้แสดงละครครั้งแรกในเรื่อง เพื่อนซี้ล่องหน () ก่อนจะเริ่มมีชื่อเสียงในละครเรื่อง ดวงใจอัคนี () ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม จากนั้นประสบความสำเร็จในละครที่ดัดแปลงจากนวนิยายอย่าง เกมร้ายเกมรัก () และ ธรณีนี่นี้ใครครอง () นอกจากนี้ เธอยังมีผลงานอื่น ๆ ตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น ดาวเรือง (), รอยฝันตะวันเดือด () และ หนึ่งในทรวง ()
อุรัสยาได้รับการยอมรับมากขึ้นจากการแสดงในละครเรื่อง คลื่นชีวิต () ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำสาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น และได้รับเสียงชื่นชมจากการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกอย่าง น้อง.พี่.ที่รัก () ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์และรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ในปีเดียวกัน เธอยังแสดงภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ ที่กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในปีนั้น อีกทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างต่อเนื่องในละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง () และ คือเธอ () เรื่องหลังทำให้เธอได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก ในปี เธอได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอีกหนึ่งครั้ง
อุรัสยา เสปอร์บันด์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่เมืองพัทยาจังหวัดชลบุรี บิดาของเธอชื่อ ซิกู๊ด เป็นชาวนอร์เวย์ ทำงานเป็นที่ปรึกษาการลงทุนและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ส่วนมารดาของเธอ อุไร ทำงานเป็นแม่บ้าน[1] อุรัสยามีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แคทลียา[2] อายุมากกว่าเธอสามปี[3] และมีพี่ชายชาวนอร์เวย์อีกสองคน ซึ่งเป็นลูกติดของซิกู๊ด[4] เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติเดอะรีเจ้นท์พัทยา ตั้งแต่ปี จนถึงปี [5] ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา[2]
เมื่ออายุ 13 ปี อุรัสยาได้พบกับโมเดลลิ่งที่สวนจตุจักรและถูกชักชวนให้แคสงานโฆษณา ต่อมาเธอก็ผ่านการคัดเลือกและได้แสดงโฆษณาระงับกลิ่นกายของจีนียังแคร์โคโลญ[6][7] จากนั้นก็มีงานติดต่อเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะการเดินทางมายังกรุงเทพมหานครค่อนข้างลำบาก ซึ่งทำให้เธอหายไปจากวงการช่วงหนึ่ง[6] จนในปี อุรัสยาก็หวนกลับเข้าวงการอีกครั้งในฐานะนางแบบด้วยการเข้าร่วมโครงการโมเดลเสิร์ชของห้างสรรพสินค้าเซน[1] โดยมีสมบัษร ถิระสาโรช เป็นผู้ชักนำและรับงานต่าง ๆ ให้[6] นอกจากงานเดินแบบแล้ว เธอยังได้ถ่ายนิตยสารอีกหลายฉบับและปรากฏอยู่ในมิวสิกวิดีโอเพลง "เด็กหลังห้อง" ของมิสเตอร์ดี และ "ต่อให้โลกหยุดหมุน" ของซีควินท์ เป็นต้น[8][9] ภายหลังเข้าสู่วงการบันเทิง เธอสอบเทียบเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาภาษาและวัฒนธรรม (หลักสูตรนานาชาติ) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิชาโทภาษาอิตาลี[2] แต่ต่อมาย้ายเรียนในวิชาโทภาษาสเปน[10] จวบจนสำเร็จการศึกษาในปี [11]
ดูเพิ่ม: รายชื่อผลงานของอุรัสยา เสปอร์บันด์
ระหว่างทำงานเป็นนางแบบ รูปภาพของเธอจากนิตยสารเป็นที่เข้าตาของทางช่อง 3 จนนำไปสู่การเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกลุ่มพาวเวอร์ทรีรุ่นที่สอง[12] เป็นระยะเวลา 3 ปี[13] ซึ่งในขณะนั้นเธอยังพูดภาษาไทยเสียงแปร่ง เนื่องจากอยู่โรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่ยังเด็กและใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษานอร์เวย์สื่อสารกับครอบครัวเป็นหลัก[6][14] ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอเริ่มเรียนภาษาไทยควบคู่กับการแสดงก่อนรับงาน[2] บทบาทการแสดงแรกของเธอเริ่มจากบทสมทบในละครของจริยา แอนโฟเน่ เรื่อง บ้านก้านมะยม แสดงร่วมกับณัฐรัฐ โมริส เลอกรองและพัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์[15][16] ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำนานกว่า 4 ปี แต่ไม่ได้ออกอากาศ[17][a] ต่อมาในปี อุรัสยาได้แสดงร่วมกับวริษฐ์ ทิพโกมุท ในละครซิตคอมแนวตลกของทีวีธันเดอร์เรื่อง เพื่อนซี้ล่องหน[19][20][21] โดยภายหลังอุรัสยากล่าวถึงการแสดงของตนว่า "เล่นแข็งมาก พูดภาษาไทยก็ไม่ชัด"[22]
ในปี อุรัสยาได้แสดงบทนำครั้งแรกในละครเรื่อง กุหลาบไร้หนาม ประกบกับเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์และพัชฏะ นามปาน[22] รับบทเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี แต่ถูกพี่สาวกลั่นแกล้งและพยายามแย่งทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งคนรัก[23] อุรัสยามองว่า เธอยังคงวิตกกังวลในการพูดและการแสดงอยู่[24] ในวันแรกที่เข้าฉาก เธอพูดตะกุกตะกักและพูดบทผิด ผลคือไม่ผ่านและต้องถ่ายซ้ำอีกรอบ ซึ่งนั่นเป็นประสบการณ์ที่เธอไม่ชอบใจเลย เธอยังกล่าวว่า "เธอรู้สึกกลัวทุกคน" นักแสดงร่วม สาวิตรี สามิภักดิ์ จึงแนะนำให้อุรัสยาอัดเสียงพูดตัวเองแล้วฟังซ้ำไปมาเพื่อฟังว่าคำไหนพูดชัดหรือไม่ชัดและต้องได้อารมณ์ของตัวละคร[25] หลังจากออกอากาศ ละครประสบความสำเร็จและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลคมชัดลึก อวอร์ด สาขาละครยอดเยี่ยม และอุรัสยาถูกมองว่าเป็นนางเอกมาแรง[26] ในปีเดียวกัน เธอได้รับความก้าวหน้าทางอาชีพในละครชุด 4 หัวใจแห่งขุนเขา เรื่อง ดวงใจอัคนี ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของซ่อนกลิ่น ชุด บ้านไร่ปลายฝัน เมื่อปี โดยแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะ ในบทคนดูแลกิจการฟาร์มโคนมที่ตกหลุมรักกัน ท่ามกลางความขัดแย้งของทั้งสองตระกูล[27][28] ละครได้รับการตอบรับอย่างดี ส่งผลให้อุรัสยาเป็นที่รู้จักมากขึ้น[29] และทำให้เธอได้รับรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม[30][31]
ในปี อุรัสยาได้รับเลือกให้แสดงละครเรื่อง ตะวันเดือด ของฉัตรชัย เปล่งพานิช กำกับโดยอรรถพร ธีมากร ในบทบาทลูกสาวเจ้าของไร่ที่ต้องแบกรับภาระของพ่อเอาไว้ ในการปกป้องสายแร่พลอยจากกลุ่มโจร[32] ละครประสบความสำเร็จอย่างสูง[33][34] ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช จำนวน 7 สาขา และทำให้อุรัสยาได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่พ่ายให้กับอารยา เอ ฮาร์เก็ต จากละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง[35] ในเดือนสิงหาคม เธอยังเป็นแขกรับเชิญให้กับธงไชย แมคอินไตย์ ในคอนเสิร์ตเบิร์ดอาสาสนุก จัดขึ้นที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี[36] ในปีเดียวกันนั้น เธอยังแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะ ในละครเรื่อง เกมร้ายเกมรัก กำกับโดยอำไพพร จิตต์ไม่งง[37] ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จถึงแม้จะมีอุทกภัยในประเทศไทย[38] และถือเป็นละครที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดจากผลสำรวจของเอแบคโพล[39] สำหรับการแสดงของเธอ อุรัสยาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ, รางวัลเมขลา และสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[40]
ในปี อุรัสยาได้แสดงคู่กับณเดชน์ คูกิมิยะในละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของกาญจนา นาคนันทน์เมื่อปี กำกับโดยยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์[41][42] ถึงแม้ละครจะได้รับคำวิจารณ์แบบผสม[43] แต่การแสดงของทั้งคู่ได้เสียงชื่นชม ปิยนุช รัตนานุกูล จากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ตั้งข้อสังเกตว่าทั้งคู่เป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จเร็วเพราะ "ความสามารถทางการแสดงในการเผยหลากอารมณ์ [] มีหลายอย่างปน ๆ กันอยู่ แล้วปล่อยออกมาแบบกระตุ้นการรับรู้" (sensory stimulus)[44] การแสดงจากละครเรื่องนี้ ทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลท็อปอวอร์ด สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[45] ในเดือนเมษายน อุรัสยาให้เสียงพากย์ครั้งแรกในการ์ตูนแอนิเมชันแนวครอบครัวเรื่อง ซูเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้[46][47] ในเดือนตุลาคม เธอแสดงมิวสิกวิดีโอเพลง "My Bad Habit" ของชินวุฒ อินทรคูสิน[48]
ปีถัดมา อุรัสยาแสดงร่วมกับอธิชาติ ชุมนานนท์ และศรราม เทพพิทักษ์ ในละครเรื่อง มายาตวัน หนึ่งในละครชุด 3 ทหารเสือสาว โดยรับบทเป็นนักข่าวสายบันเทิงที่พยายามขอสัมภาษณ์อดีตดาราชื่อดังที่เกลียดนักข่าว[49] ในปีเดียวกันนั้น เธอยังแสดงคู่กับทฤษฎี สหวงษ์ ในละครตลกเรื่อง ดาวเรือง[50] ในบทหญิงต่างจังหวัด ผู้มีนิสัยดื้อรั้นและชอบกลั่นแกล้งคนอื่น สำหรับบทบาทนี้ อุรัสยาต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม ด้วยความเป็นบทไกลตัวและใช้ภาษาของคนต่างจังหวัด[51] ถึงแม้จะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย ถูกนำไปเปรียบเทียบกับละครเวอร์ชันก่อนเมื่อปี [52] แต่สำนักข่าวอิศราให้ความเห็นด้านบวกและชื่นชมความเข้ากันของนักแสดง[53] จากนั้นอุรัสยาได้กลับมาพากย์เสียงต่อในภาคเริ่มต้นใหม่ ซูเปอร์ฮีโร่ สวยช่วยได้ ซีซั่น 2 ร่วมกับคิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ และราศรี บาเล็นซิเอก้า ออกอากาศเดือนตุลาคม[54] ในปี อุรัสยาแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะ, มาริโอ้ เมาเร่อ และณฐพร เตมีรักษ์ ในละครชุด ไรซิงซัน เรื่อง รอยฝันตะวันเดือด โดยเป็นเรื่องราวความรักที่มีฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่น[55] ละครไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร[56] ได้รับเสียงวิจารณ์ทั้งดีและไม่ดี[57] และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น "ละครตลกสำหรับคนที่รู้จักญี่ปุ่น"[58] แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้รับรางวัลละครยอดเยี่ยมแห่งปีจากสถานทูตและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น[59]
ในปี อุรัสยาแสดงในละครย้อนยุคของธิติมา สังขพิทักษ์ ร่วมกับจิรายุ ตั้งศรีสุข เรื่อง หนึ่งในทรวง[60] ขณะถ่ายทำละครในอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เธอได้รับพิษแมงกะพรุนไฟบริเวณขาด้านขวา[61][62] ส่งผลให้เกิดแผลเป็นและต้องเข้ารับการรักษานานหนึ่งปี[63] ในปี อุรัสยาได้แสดงคู่กับปริญ สุภารัตน์ ในละครเรื่อง คลื่นชีวิต ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของกรุง ญ. ฉัตร เมื่อปี กำกับโดยอำไพพร จิตต์ไม่งง ได้รับบทเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่มีปมชีวิต[64][65] ละครประสบความสำเร็จ ทำเรตติงได้เฉลี่ย ซึ่งมากที่สุดของช่องสามในปีนั้น[66] การแสดงของอุรัสยาได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์ ผู้จัดการออนไลน์ ชื่นชมการหลุดออกจากบทบาทเดิม ๆ โดยเขียนว่า "ไม่หลงเหลือคราบไคลของนางเอกคนเก่า สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือ รัศมีการแสดงของเธอที่นับวันก็ยิ่งเปล่งประกาย"[67] เช่นเดียวกับ ไทยรัฐ ที่เขียนไว้ว่า "สามารถพิสูจน์ฝีมือทางการแสดงว่าเธอสามารถเล่นบทร้าย ๆ แรง ๆ ก็ได้ มีหลายฉากหลายซีนที่ดูแล้วต้องปรบมือให้ [] และที่ต้องชมยิ่งกว่าการแสดง นั่นก็คือการพูดชัดถ้อยชัดคำไม่เหลือเค้าสาวเสียงแมว"[68] อุรัสยาได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่นเป็นครั้งแรก[69] และยังได้เข้าชิงรางวัลสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[70] ในปีเดียวกันนั้น เธอยังแสดงละครเรื่อง เล่ห์ลับสลับร่าง กำกับโดยกฤษณ์ ศุกระมงคล[71] และได้ร่วมงานกับแร็ปเปอร์ ปริญญา อินทชัย สมาชิกวงไทยเทเนี่ยม ร้องเพลง "Make it happen" สำหรับประกอบโฆษณา เมย์เบลลีน เพลงเป็นแนวฮิปฮอปผสมอิเล็กทรอเฮาส์ ซึ่งผลิตโดยยัวร์บอยทีเจ[72] เพลงยังได้รับรางวัลยูทูบเดย์ สาขาสุดยอดโฆษณาที่คนไทยชมมากที่สุดด้วย[73]
อุรัสยาแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกใน น้อง.พี่.ที่รัก ออกฉายในเดือนพฤษภาคม เป็นภาพยนตร์ครอบครัวที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องที่ไม่ถูกกัน[74] ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์และเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดของปี ที่อันดับสอง[75] การแสดงของอุรัสยาได้รับเสียงชื่นชม หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เขียนว่า "อินเนอร์ที่ส่งออกมาไม่ติดอะไรเลย"[76] ขณะที่ บูมแชนแนล มองว่าการแสดงของเธอนั้น "สะกดคนดูให้อยู่และรู้สึกร่วมไปกับการแสดงได้จนจบเรื่อง"[77] อุรัสยาได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ และรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเป็นครั้งแรก ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[78] และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง และรางวัลสตาร์พิกส์ไทยฟิล์มอะวอดส์[79] ในเดือนตุลาคม อุรัสยารับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ กำกับโดยพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เป็นภาคต่อของละครเรื่อง นาคี ที่ออกอากาศทางช่อง 3 เมื่อปี โดยรับบทเป็นหญิงสาวที่เติบโตมาพร้อมกับความเชื่อและศรัทธาต่อเจ้าแม่นาคี ภาพยนตร์ทำรายได้ 73 ล้านบาทในสัปดาห์เปิดตัว[80] และทำรายได้รวม ล้านบาททั่วประเทศ[81] กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดของปี [75] และเคยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทยที่อันดับ 10[82] ในปี อุรัสยาแสดงในละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง รับบทตัวละคร 4 ตัวละคร ทั้งบทข้ามชาติ และฝาแฝด[83]เดอะสแตนดาร์ด วิจารณ์การแสดงว่า "แม้จะรับบทหนักทั้งหมด 4 บท แต่เธอก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์และแยกความเป็นตัวละครนั้น ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน จนคนดูเชื่อว่าเธอแสดงเป็นคนละคนจริง ๆ"[84] บทบาทนี้ทำให้อุรัสยาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ, คมชัดลึก อวอร์ด และรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[85]
ในปี อุรัสยาพากย์เสียงเป็นรายา ฉบับภาษาไทย ในภาพยนตร์แอนิเมชันของดิสนีย์เรื่อง รายากับมังกรตัวสุดท้าย[86] ปีถัดมา อุรัสยาได้แสดงร่วมกับณัฏฐ์ กิจจริต ในภาพยนตร์เรื่อง เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ กำกับโดยนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ออกฉายในเดือนเมษายน [87] ภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้[88] แต่การแสดงของเธอได้รับเสียงชื่นชม หนังสือพิมพ์ แนวหน้า เขียนว่า "เล่นนิ่ง ๆ เล่นเรื่อย ๆ แทบจะเป็นคนเดียวที่เด่นด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมาเป็นทีม"[89] ในขณะที่ วาดฝัน คุณาวงศ์ จาก เวิร์คพอยท์ทูเดย์ เขียนไว้ว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเธอ[90] ในงานเทศกาลภาพยนตร์เอเชียนิวยอร์ก ครั้งที่ 21 อุรัสยาได้รับรางวัลดาวรุ่งแห่งเอเชียและรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้[91][92] ในปีเดียวกัน เธอยังแสดงละครเรื่อง คือเธอ[93] ที่สามารถทำเรตติงได้เฉลี่ย ซึ่งมากที่สุดของช่องสามในปีนั้น[94] รวมถึงทำให้เธอได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นครั้งแรก[95] นอกจากนี้ เธอยังรับบทเป็นวิศวกรด้านอุทกวิทยา ในละครชุด ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง ซึ่งดัดแปลงจากปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง ออกฉายในเดือนกันยายนทางเน็ตฟลิกซ์[96] และได้แสดงละครเรื่อง ลายกินรี ของพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง[97]
ในปี อุรัสยาแสดงร่วมกับปริญ สุภารัตน์ ในละครเรื่อง จนกว่าจะได้รักกัน[98] หลังจากออกอากาศ ละครไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คมชัดลึก มองว่าละคร "ดูแผ่ว" ถึงแม้จะใช้นักแสดงนำที่มีชื่อเสียง[99] จากนั้นอุรัสยาได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน กำกับโดยวาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ ดัดแปลงจากภาพยนตร์เกาหลี แมนอินเลิฟ เมื่อปี [] โดยรับบทเป็นพนักงานธนาคาร ผู้ต้องชดใช้หนี้แทนพ่อของเธอที่กำลังล้มป่วย[] มโน วนเวฬุสิต จาก แบไต๋ ระบุว่าการแสดงของเธอคือ "ความมหัศจรรย์ที่ชี้นำอารมณ์ผู้ชมในด้านดราม่าได้อย่างน่าเชื่อถือ และทำให้ผู้ชมเห็นใจตัวละครแม้ใช้เวลาบนจอไม่นาน"[] ในขณะที่ สปริงนิวส์ เขียนว่าเธอ "แสดงออกมาได้อย่างหมดจด" ทั้งสายตาที่หมดอาลัยตายยาก ความห่อเหี่ยวในการพูดจา รวมถึงเดินเหิน[] ในปีเดียวกัน อุรัสยาแสดงร่วมกับธนภพ ลีรัตนขจร ในละครเรื่อง หนึ่งในร้อย ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของดอกไม้สดเมื่อปี ละครได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกเช่นเดียวกับการแสดงของอุรัสยา วีรวัฒน์ อัจจุตมานัส จาก เดอะสแตนดาร์ด เขียนว่า "ถ้าไม่ใช่เธอก็นึกไม่ออกว่าใครจะ [แสดงบทนี้]"[]
อุรัสยาสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปนระดับพื้นฐานได้[] รวมทั้งสามารถเล่นเปียโนและไวโอลินได้ระดับหนึ่ง[] และยังชื่นชอบการขี่ม้าตั้งแต่อายุราว 7 ปี เธอเคยเข้าร่วมการแข่งขันที่ฮอร์สชูพอยต์อยู่หลายครา[] ด้วยความชื่นชอบนี้เธอจึงชอบสะสมตุ๊กตามายลิตเติลโพนีด้วย[2]
ในเวลาว่าง อุรัสยาเป็นหนอนหนังสือ เธอชื่นชอบงานเขียนของเม็ก แคบอต, นิโคลัส สปากส์, โซฟี คินเซลลา และเซซีเลีย อะเฮิร์น[] ส่วนแนววรรณกรรมที่ชื่นชอบคือ นวนิยายอิงประวัติศาสตร์โรมานซ์[] เธอยังชอบอ่านหนังสือ สาวทรงเสน่ห์ ของเจน ออสเตน[] และ ลิขิตรักต่างมิติ ของอะเฮิร์น[]
ความสัมพันธ์ของอุรัสยากับณเดชน์ คูกิมิยะ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนนับตั้งแต่ละครเรื่อง ดวงใจอัคนี () โดยสื่อได้คาดการณ์ความสัมพันธ์ต่าง ๆ นานา แต่ทั้งคู่ปฏิเสธมาโดยตลอด[] จนในปี ทั้งคู่ยอมรับว่าความสัมพันธ์ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ และได้ตกลงคบหากันในภายหลัง[] ทั้งคู่หมั้นกันในเดือนมิถุนายน ที่เมืองโปซีตาโน ประเทศอิตาลี[][]
บทความหลัก: รายชื่อรางวัลและการเสนอชื่อที่อุรัสยา เสปอร์บันด์ได้รับ
อุรัสยาได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น จากละครเรื่อง คลื่นชีวิต ()[69] และได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง คือเธอ ()[95] นอกจากนี้ เธอยังได้รับรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง ดวงใจอัคนี ()[30][31] การแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก น้อง.พี่.ที่รัก () ทำให้เธอได้รับรางวัลสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์, รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ และรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[78][] ภาพยนตร์เรื่องที่สาม เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ () ทำให้เธอได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ อีกหนึ่งครั้ง[92] และได้รับรางวัลดาวรุ่งแห่งเอเชีย จากเทศกาลภาพยนตร์เอเชียนิวยอร์ก ครั้งที่ 21[91]